ในตลาดการขายของออนไลน์ที่แข่งขันกันโหดขึ้นทุกที แถมลูกค้ายังหวงแหนความเป็นส่วนตัวด้วยการบล็อคโฆษณาทางโซเชียลมีเดียทุกวิถีทาง จนการยิง Ads แทบไร้ประโยชน์ บวกกับนโยบายของค่าย Apple ที่ยกระดับความเข้มงวดโดยเพิ่มความเป็นส่วนตัวและการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ให้สูงขึ้น สถานการณ์แบบนี้ทำให้ Digital marketing แบบเดิมๆ อาจใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป แต่อย่าเพิ่งท้อแท้ ในวิกฤติยังมีโอกาสเสมอ เราสามารถสร้างธุรกิจของตัวเองและเอาชนะใจลูกค้ากันด้วยเทรนด์ร้อนๆ นั่นคือกลยุทธ์ขายสินค้าออนไลน์ด้วยเทคนิคการตลาดเฉพาะบุคคล
สร้างธุรกิจตามรอยแบรนด์ดัง ปรับ Digital Marketing ให้โดนใจลูกค้า
เทรนด์ของการใช้กลยุทธ์จากข้อมูลของ E-Commerce การตลาดเฉพาะบุคคล(E-Commerce Personalization) มาแรงได้สองสามปีและยังไม่มีแผ่ว โดยผลการศึกษาจากเอคเซนเชอร์ (Accenture) บริษัทผู้ให้คำปรึกษาด้านการจัดการและการบริหารเทคโนโลยีชั้นนำ ที่มีสาขากว่า 120 ประเทศทั่วโลก ชี้ชัดว่า 91% ของผู้บริโภค จะซื้อขายสินค้าออนไลน์จากแบรนด์ที่ทำการตลาดเฉพาะบุคคล นั่นคือมีการให้คำแนะนำที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องกับประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัวของลูกค้ามากขึ้น โดยมีหลักฐานยืนยันว่าการใช้กลยุทธ์นี้ทำให้การันตีการขายของออนไลน์ให้ปังเพิ่มขึ้นถึง 19%!!
ก่อนจะแนะนำเคล็ดลับในการเริ่มต้นทำ E-Commerce การตลาดเฉพาะบุคคล มาดูตัวอย่างการขายของออนไลน์ให้ปังๆ ของแบรนด์ดังระดับโลกที่ใช้วิธีนี้กันดีกว่า อย่างเช่น Topshop แบรนด์เสื้อผ้าอังกฤษแนว Fast Fashion ที่มีจุดเด่นตรงราคาไม่สูงมาก แต่เน้นการขายจำนวนเยอะๆ ได้อย่างรวดเร็วตามกระแสนิยมในช่วงนั้นๆ ท็อปช็อปแก้เกมจนทำให้สินค้าออนไลน์ขายดี ด้วยการนำเทคนิคของการตลาดเฉพาะบุคคลมาปรับใช้ในกลยุทธ์ของ Digital marketing
กลยุทธ์นี้ผสมผสานทั้งการทำการตลาดออนไซต์ตรงหน้าร้านจริงๆ เพื่อต่อยอดไปสู่แนวคิดการขายของออนไลน์ให้ตรงใจลูกค้ามาขึ้น โดยท็อปช็อปจะมีพนักงานที่เข้ามาดูแลเหมือนผู้ช่วยของลูกค้า มีการสอบถามเกี่ยวกับรสนิยม สไตล์และการเลือกซื้อเสื้อผ้าตามขนาดตัวและงบประมาณ ผลลัพธ์ทีได้จะกลายเป็นข้อมูลเฉพาะบุคคลสำหรับตู้เสื้อผ้าของลูกค้าแต่ละคน หลังจากนั้นทางแบรนด์จะคอยส่งอีเมลอัพเดทให้ลูกค้ารู้อยู่เสมอเมื่อมีสินค้าใหม่ๆ ออกมา โดยวิเคราะห์จากข้อมูลที่ได้รับก่อนหน้านี้ว่าลูกค้าชอบหรือไม่ชอบอะไร
นอกจากนั้นบนหน้าเว็บไซต์ยังมีลูกเล่นต่างๆ ที่สร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้ลูกค้า เป้าหมายเพื่อให้สินค้าออนไลน์ขายดีขึ้น ด้วยฟังก์ชั่นให้ทดลองแมชท์เสื้อผ้าแบบต่างๆ ดูก่อนได้ รวมทั้งมีผู้ช่วยในการแนะนำสไตล์เฉพาะบุคคลเพื่อตัดสินใจในการเลือกซื้อ โดยยึดตามข้อมูลของ “ตู้เสื้อผ้าของคุณลูกค้า” เพื่อสร้างความสะดวกและประสบการณ์ที่น่าประทับใจ นี่คือเทคนิคการตลาดเฉพาะบุคคลที่ทำให้การตัดสินใจซื้อง่ายและรวดเร็วขึ้น ช่วยให้ทิศทางในการสร้างธุรกิจของตัวเองประสบความสำเร็จ และการขายของออนไลน์ให้ปังมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับ Algorithm ทางแพลตฟอร์มออนไลน์เพียงอย่างเดียว
ปรับใช้แนวคิดการขายของออนไลน์ด้วยเทคนิคการตลาดเฉพาะบุคคล
หลังจากลองเทคนิคต่างๆ ในการขายสินค้าออนไลน์ทุกวิธีแล้ว แต่ดูเหมือนว่ายังไม่พบหนทางในการขายของออนไลน์ยังไงให้ปัง ไม่ว่าจะยิงแอด Live สด หรือกัดฟันจ้าง influencer ก็อาจยังไม่ได้ผล เรามาลองปรับกลยุทธ์ Digital marketing ด้วยเทคนิคการตลาดเฉพาะบุคคลกันบ้างดีกว่า ศึกษาจากแนวคิดการขายออนไลน์ที่ไม่ได้ยากเกินไปดังต่อไปนี้
ปรับโฮมเพจของเราให้เข้ากับหลักการของการตลาดเฉพาะบุคคล หากการใช้คุ้กกี้เพื่อเก็บข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายอาจยากขึ้นในปัจจุบัน เพราะแพลตฟอร์มต่างๆ มีนโยบายความเป็นส่วนตัวและบล็อกการเก็บคุ้กกี้มากขึ้น เราต้องปรับตัวโดยการใช้ข้อมูล(Data) ที่ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์โดยตรง ตั้งแต่ข้อมูลการซื้อไปจนถึงการมีส่วนร่วมทางอีเมล และการเข้าถึงข้อมูลอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ เมื่อระบุตัวตนของลูกค้าได้แล้ว ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้การสร้างธุรกิจของตัวเองสามารถกำหนดเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่ข้อมูลในอดีตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงข้อมูลพฤติกรรมแบบเรียลไทม์ เช่น Engagement ในการโต้ตอบกับเว็บไซต์ของเรา การเลือกสินค้าลงรถเข็นสินค้า ตลอดจนผลิตภัณฑ์และหมวดหมู่ที่พวกเขาเข้าชม การเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้เข้าด้วยกัน ช่วยให้การทำธุรกิจของเรา สามารถเห็นมุมมองที่เป็นส่วนตัวของลูกค้าชัดเจนขึ้น
จัดแคมเปญพิเศษตามพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า ไม่ว่าเทรนด์ทางการตลาดจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน สิ่งสำคัญที่สุดในการทำธุรกิจไม่ว่าจะเป็นออนไซต์หรือขายสินค้าออนไลน์ ยังคงเป็นเรื่องของพฤติกรรมผู้บริโภคเช่นเคย หลักการของ Digital marketing ด้วยแนวคิดการตลาดเฉพาะบุคคลปรับมาจากความรู้นี้เช่นกัน เช่น จัดโปรโมชั่นให้กับลูกค้าตามพฤติกรรมที่แตกต่างกัน โดยมีส่วนลดให้ 10% สำหรับลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาและตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นครั้งแรก เพื่อดึงลูกค้าเอาไว้แลกเปลี่ยนกับการให้ลูกค้าลงทะเบียนให้อีเมลติดต่อและตัดสินใจซื้อสินค้า
ใช้ประโยชน์จากที่อยู่ของลูกค้า ยิ่งถ้าการค้าออนไลน์ของเราขายในระดับนานาชาติ ข้อมูลเกี่ยวกับโลเคชั่นของลูกค้ายิ่งมีประโยชน์ในเทคนิคการขายเฉพาะบุคคลอย่างมาก ตัวอย่างเช่น ฤดูกาลต่างๆ ของลูกค้าแต่ละประเทศแตกต่างกันไป การแนะนำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่สอดคล้องกับแต่ละช่วง ย่อมส่งผลให้แบรนด์ของเรากลายเป็นสินค้าออนไลน์ขายดีในกลุ่มประเทศนั้นๆ หรือไซส์เสื้อผ้าของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน การรู้โลเคชั่นของลูกค้าจะช่วยให้แนะนำไซส์ที่ตรงกับแต่ละประเทศได้ดีกว่า
โชว์รายการผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าเข้าดูครั้งล่าสุด กลยุทธ์ Digital marketing นี้เป็นการโน้มน้าวการตัดสินใจซื้ออีกครั้ง เพราะลูกค้าอาจลังเลในการเข้าดูครั้งที่แล้ว เพิ่ม “การเยี่ยมชมครั้งล่าสุด” เข้าไปในหน้าโฮมเพจเพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าชัดๆ เป็นการกระตุ้นการค้าออนไลน์ให้ลูกค้าตัดสินใจ(Call to Action)ที่ได้ผล การออกแบบหน้าโฮมเพจให้ตรงตามประสบการณ์และความสนใจของลูกค้าแบบนี้ ช่วยให้ลูกค้าโฟกัสที่ผลิตภัณฑ์นั้นๆ โดยไม่ถูกรบกวนด้วยสินค้าอื่นๆ ทำให้การตัดสินใจซื้อเพิ่มสูงขึ้น
ใช้การติดต่อตรงทางอีเมลให้เป็นประโยชน์ บางทีเราทุ่มเทการตลาดไปทางโซเชียลมีเดีย จนลืมช่องทางการติดต่อผ่านอีเมลโดยตรง ซึ่งเป็นช่องทางที่มีเหมาะกับ Digital marketing ด้วยแนวคิดการขายออนไลน์แบบการตลาดเฉพาะบุคคล และเป็นการทำอีคอมเมิร์สที่ยังได้ผลตลอดกาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสร้างสรรค์ให้เมลแต่ละฉบับ มีความเฉพาะเจาะจงถึงลูกค้าแต่ละคนโดยตรง เช่น มีชื่อของลูกค้าอยู่บน Subject หรือมีการส่งส่งเมลไปในวันเกิดหรือวันสำคัญ รวมทั้งอีเมลที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมในการซื้อผลิตภัณฑ์ครั้งก่อนหน้าของลูกค้า สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่มีเสน่ห์เหล่านี้ คือคำตอบของคำถามที่ว่าจะขายของออนไลน์ยังไงให้ปัง และสามารถชนะใจลูกค้าแต่ละคนได้
ไม่ยากจนเกินไปในการปรับกลยุทธ์เพื่อการตลาดเฉพาะบุคคล ยิ่ง Digital Marketing แข่งขันกันเดือดแค่ไหน ดูเหมือนว่าลูกค้ายิ่งต้องการ “ความพิเศษ” มากยิ่งขึ้นเท่านั้น และยิ่งการทำธุรกิจของแต่ละแบรนด์นำเสนอประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้มากเท่าไหร่ สิ่งที่ได้ตอบแทนมาคือข้อมูลส่วนบุคคลที่จะเป็นประโยชน์ในการวางแผนการตลาดในอนาคต ผู้ประกอบการที่สร้างธุรกิจของตัวเองได้อย่างแข็งแกร่งในยุคนี้ คือผู้ประกอบการที่แสวงหาความรู้และเทรนด์ใหม่ๆ ของแนวคิดการขายของออนไลน์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเกี่ยวจากประสบการณ์ตรง หรือเสริมความรู้ด้วยหลักสูตร Digital marketing และคอร์สการตลาดออนไลน์ต่างๆ เพราะความสำเร็จคือของขวัญสำหรับผู้ไขว่คว้าหาโอกาสและไม่หยุดพัฒนาตัวเอง
ข้อมูล:
- 10 Smartest examples of Ecommerce hyper-Personalization to get inspired from (www.drip.com)
- How marketers can overcome data privacy challenges as Google and Apple increase consumer protection (marketingtechnews.net)
- 7 E-Commerce Personalization Strategies to Boost Your Sales. (drip.com)
Kommentare